นายหลี่เหลียนเจ๋ หรือ JET LI ผู้สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมด้วยภาพพจน์ “ราชากังฟู” บนจอผ้า กลับไม่ยอมโพสต์ท่ากังฟูแม้แต่ท่าเดียวในการถ่ายรูป
“ผมไม่ชอบการใช้กำลังรุนแรงเลยครับ” พุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธามากผู้นี้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ การถ่ายทำภาพยนตร์เป็นเพียงงานอดิเรกของเขาเท่านั้น การทำบุญถึงจะเป็นภารกิจและชีวิตของเขา
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2004 ขณะที่เจ๊ตลีกับครอบครัวกำลังพักผ่อนช่วงวันหยุดที่มัลดิฟส์ พวกเขาได้ประสบเหตุสึนามิที่มหาสมุทรอินเดีย เจ๊ตลีต้องดิ้นรนอย่างสุดกำลัง จึงสามารถช่วยคนทั้งครอบครัวออกจากคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงได้ แต่ตัวเองกลับบาดเจ็บที่เท้า ซึ่งทั้งครอบครัวของเจ๊ตลีได้ผ่านคืนแห่งความใจหายใจคว่ำทั้งสองคืนร่วมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีกกว่า 200 คนที่ล็อบบี้โรงแรม ก่อนการช่วยเหลือจะไปถึง
จากประสบการณ์ที่รอดตายจากสึนามิทำให้เจ๊ตลีสำนึกได้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับธรรมชาติ กังฟูใด ๆ และความสำเร็จใด ๆ ต่างไม่มีค่าอะไรเลย “เงินทองและอำนาจทั้งปวงบนโลกนี้มิอาจช่วยคุณออกจากคลื่นทะเลได้...ผมคงต้องทำอะไรสักหน่อยครับ”
นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเขา ในการศึกษาพุทธธรรมและท่องไปรอบโลก เพื่อแสวงหาความหมายของชีวิตตั้งแต่ปี 1997
หลังจากปรึกษาหารือกับนางลี่จื้อ (NINA LI) ภรรยาแล้ว เจ๊ตลีตัดสินใจบริจาคเงิน 5 แสนเหรียญฮ่องกงเพื่อเป็นเงินช่วยเหลือการกู้ภัย ขณะเดียวกันก็ได้ลงทุนอีก 5 แสนเหรียญฮ่องกงจัดตั้งมูลนิธิ เพื่อทุ่มกำลังในภารกิจสังคมสงเคราะห์เป็นระยะยาว – นั่นก็คือต้นกำเนิดของมูลนิธิอีจีจิน (มูลนิธิหนึ่งเดียว)
หลังจากผ่านการตระเตรียมมาหลายปีและการเรียกร้องอย่างไม่ลดละของเจ๊ตลี มูลนิธิอีจีจินของเจ๊ตลีได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2007 โดยยึดมั่นในจิตใจ “คน ๆ เดียว เดือนเดียว เงินเหรียญเดียว” ต่อยอดความรักของมนุษยชาติ ปัจจุบันนี้ มีผู้คนถีง 1 ล้านคนได้ลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคเงินหรือเวลาของตนเองผ่านเว็บไซต์ของมูลนิธิอีจีจิน
มูลนิธิอีจีจินซึ่งถือกำเนิดขึ้นเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีงานสำคัญงานหนึ่งก็คือการกู้ภัย ตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวที่เวิ่นฉวนขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2008 จนถึงปัจจุบันนี้ มูลนิธิอีจีจินได้สมทบเงิน 78 ล้านหยวน เพื่อใช้ในการกู้ภัยต้านแผ่นดินไหวและการสร้างใหม่หลังภัยพิบัติ
มูลนิธิอีจีจินกำลังเตรียมจัดตั้งสหภาพอาสาสมัครช่วยเหลือภาคมวลชนแห่งประเทศจีน ซึ่งจะประกอบด้วยอาสาสมัคร 400 กว่าคน เพื่อเตรียมเข้าร่วมการช่วยเหลือกู้ภัยตั้งแต่เนิ่นๆ ในฐานะกำลังเสริมของทีมช่วยเหลือกู้ภัยของทางการหลังการเกิดภัยธรรมชาติ
ในฐานะดาราระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เจ๊ตลีไม่ลืมที่จะประชาสัมพันธ์มูลนิธิอีจีจินในเกือบทุกสถานที่ๆตนเข้าร่วมงาน เขายังพยายามเผยแพร่คอนเซปต์ที่แปลกใหม่สำหรับมวลชนคนจีนชนิดหนึ่ง นั่นคือ – ธุรกิจสังคม – โดยยึดถือสาธารณประโยชน์เป็นเป้าหมาย แต่ต้องได้กำไรที่มั่นคงแน่นอน เพื่อเป็นหลักประกันในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องขององค์กร และเขาจะสร้างมูลนิธิอีจีจินเป็นธุรกิจสังคมอย่างนี้ธุรกิจหนึ่ง วิธีการของเจ๊ตลี คือ การเชิญสำนักบัญชี Deloitte & Touche และ KPMG ที่มีชื่อเสียงมาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี โดยประกาศรายงานบัญชีผ่านเว็บไซต์ทุก ๆ หนึ่งไตรมาส เพื่อให้สาธารณชนรับทราบว่าเงินหนึ่งหยวนถูกนำไปใช้ที่ใดบ้าง
ขอเพียงแต่เป็นสิ่งที่ตนเองเห็นว่าถูกต้อง เจ๊ตลีก็จะยืนหยัดทำต่อไป “ชีวิตของผมได้สิ้นสุดลงตั้งแต่อายุ 40 ปีแล้ว เพราะผมไม่ต้องการมีชื่อเสียงมากกว่านั้น ไม่ต้องการมีเงินมากกว่านั้น ดังนั้น เวลาที่เหลือของผมจะรักษาชีวิตไว้ก็เพื่อคนทั่วโลก” เขากล่าว