Home > คอลัมน์ท่านเอกอัครราชทูต
เอกอัครราชทูตหลู่ย์ เจี้ยนเข้าร่วมงานสัมมนา"7 ทศวรรษใหม่ ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง"
2019-10-29 12:04

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ฯพณนหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเข้าร่วมงานสัมมนา“7 ทศวรรษใหม่ ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน พร้อมกับกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน มีผู้เข้าร่วมราว 300 คน ประกอบด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นักธุรกิจและนักวิชาการชาวไทย เป็นต้น

เอกอัครราชทูตหลู่ย์ เจี้ยนกล่าวว่า จีนใหม่ใช้ระยะเวลาสั้นๆเพียง 70 ปีก็สามารถพัฒนาประเทศสู่ความทันสมัย ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วต้องใช้เวลาหลายศตวรรษ ความสำเร็จของจีนถือเป็นปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์การพัฒนาของมวลมนุษยชาติ สาเหตุสำคัญอยู่ที่การยึดมั่นในหลักการเป็นผู้นำของพรรคฯ อย่างต่อเนื่อง จนบรรลุดังคำกล่าวที่ว่า "รวมพลัง ทำงานใหญ่" "แผนเดียวไปให้สุด" "หมั่นเรียนรู้และเรียนรู้ให้เป็น" ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีสาเหตุสำคัญคือจีนยึดมั่นในการก้าวให้ทันยุคสมัย เน้นสร้างทฤษฎีใหม่ๆ โดยเฉพาะทฤษฎีการพัฒนาสมัยใหม่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเสนอ คือสร้างนวัตกรรม สมดุล รักษาสิ่งแวดล้อม เปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยและสามารถเอาชนะปัญหาสำหรับการพัฒนาได้

เอกอัครราชทูตหลู่ย์ เจี้ยนย้ำว่า โลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แห่งศตวรรษ เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันของการเติมโตที่ช้าลง ทำให้มีการลุกคืบของลัทธิปกป้องการค้า ลัทธิการกระทำเพียงฝ่ายเดียวและลัทธิสวนกระแสโลกาภิวัตน์ แต่ฝ่ายจีนยังคงเห็นว่า กระแสโลกาภิวัตน์และระบบพหุภาคีนั้นเป็นกระแสหลักที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เส้นทางที่ถูกต้องคือประเทศต่างๆต้องเสริมเติมข้อได้เปรียบระหว่างกันและร่วมมือแบบ win-win เท่านั้น แม้จีนจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก ทำให้เศรษฐกิจจีนเกิดแรงกดดันเพื่อเข้าสู่การเติมโตที่ช้าลง แต่ก็ยังคงมีความยืดหยุ่น มีศักยภาพและมีช่องว่างมากพอสำหรับการฟื้นตัว เศรษฐกิจจีนโดยร่วมในปัจจุบันยังมีความมั่นคง ตัวชี้วัดสำคัญในสามไตรมาสแรกยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสม มีการเติบโตของแรงขับเคลื่อนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ฝ่ายจีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับประเทศในภูมิภาครวมถึงไทยเพื่อสนับสนุนระบบพหุภาคีและระบบการค้าพหุภาคีตามหลักการของ WTO และอยู่บนพื้นฐานของการวางแผน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการค้าโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจโลก

เอกอัครราชทูตหลู่ย์เจี้ยนกล่าวว่า จีนและไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ทั้งสองประเทศควรแสดงความได้เปรียบของตนและกระชับความร่วมมือในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรมในเชิงลึกยิ่งขึ้น ประการแรกคือให้ความสำคัญกับการสร้าง“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”และกระชับความร่วมมือในการเชื่อมโยงโครงข่าย ประการที่สองคือมุ่งเน้นอุตสาหกรรมสมัยใหม่และการเกษตรสมัยใหม่ โดยขยายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ประการที่สามคือเพิ่มการเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ ร่วมผลักดันความร่วมมือในภูมิภาค ประการที่สี่คือเพิ่มการแลกเปลี่ยนด้านการบริหารประเทศเช่นการแก้ปัญหาความยากจนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ และผลักดันความร่วมมือทางวัฒนธรรมในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสครบรอบ 70 ปี ท่านยังยกย่องประเทศจีนสำหรับความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นต้น ท่านเห็นว่า เคล็ดลับความสำเร็จของจีนคือการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง การให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตของประชาชน การให้ความสำคัญกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการระดมพลังจากทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อร่วมสร้างประเทศ นายจุรินทร์ยังเน้นย่ำว่า จีนเป็นแบบอย่างการเรียนรู้ของทั่วโลก ฝ่ายไทยยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปกครองประเทศกับจีนในเชิงลึก โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการบรรเทาความยากจนที่แม่นยำ การสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีและการค้าการลงทุน โดยค้นหาศักยภาพของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง เร่งเพิ่มโครงการความร่วมมือและความสำเร็จเพื่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของทั้งสองประเทศโดยเร็ว

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และแขกผู้มีเกียรติอื่นๆ ต่างแสดงความเห็นว่า การพัฒนา 70 ปีของประเทศจีนใหม่แสดงให้เห็นว่า ไม่มีรูปแบบการพัฒนาที่ตายตัวแน่นอนในโลก ประสบการณ์การพัฒนาของจีนเป็นแบบอย่างที่สำคัญสำหรับประเทศไทย ประเทศไทยและโลกควรยินดีกับการพัฒนาและเจริญเติบโตของจีน เรียนรู้จากจีน และกระชับความร่วมมือกับประเทศจีน

Suggest To A Friend:   
Print